Firebase Extensions

Firebase Extensions ช่วยให้คุณทำให้ฟังก์ชันใช้งานได้กับแอปอย่างรวดเร็วด้วยโซลูชันที่จัดแพ็กเกจไว้ล่วงหน้า

เมื่อติดตั้งแล้ว ส่วนขยาย Firebase จะทำงานหรือชุดงานที่เฉพาะเจาะจงเพื่อตอบสนองต่อคำขอ HTTPS, เหตุการณ์ Cloud Scheduler หรือทริกเกอร์เหตุการณ์จากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Firebase เช่น Cloud Firestore หรือ Firebase Cloud Messaging

สำรวจฮับส่วนขยาย ดูวิธีติดตั้งส่วนขยาย ดูวิธีสร้างส่วนขยายของคุณเอง

ความสามารถที่สำคัญ

ลดเวลาที่ใช้ในการพั��น�� ��าร����ร����รั����า และการเติบโต

เนื่องจากส่วนขยายเป็นโซลูชันแบบแพ็กเกจ คุณเพียงต้องติดตั้งและกำหนดค่าส่วนขยาย

ส่วนขยายช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูล เขียน และแก้ไขข้อบกพร่องของโค้ดที่ใช้ฟังก์ชันการทำงานหรือทำให้งานของแอปหรือโปรเจ็กต์เป็นแบบอัตโนมัติ

สำรวจฮับส่วนขยายเพื่อดูโซลูชันสำหรับแอปหรือโปรเจ็กต์

สร้างมาให้กำหนดค่าและนำมาใช้ซ้ำได้

อินสแตนซ์ที่ติดตั้งแต่ละรายการของส่วนขยายจะไม่ซ้ำกัน

คุณระบุค่าการกำหนดค่าของส่วนขยายที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแอป โปรเจ็กต์ หรือกรณีการใช้งาน ค่าเหล่านี้อาจเป็นค่าเกือบทุกอย่าง ได้แก่ เส้นทาง Cloud Firestore, มิติข้อมูลรูปภาพ หรือ URL ของ GitHub ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการทำงานของส่วนขยาย

คุณใช้ส่วนขยายเดียวกันในโปรเจ็กต์ต่างๆ ซ้ำได้ คุณยังติดตั้งส่วนขยายเดียวกันหลายอินสแตนซ์ในโปรเจ็กต์เดียวได้ด้วย อินสแตนซ์ที่ติดตั้งแต่ละรายการจะมีการกำหนดค่าที่กำหนดเองได้

ผสานรวมแพลตฟอร์ม Firebase

ส่วนขยายสามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของสถาปัตยกรรมที่มีอยู่ได้

ส่วนขยายตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่สร้างโดยผลิตภัณฑ์ Firebase ที่คุณใช้ในแอปอยู่แล้วได้ การเปลี่ยนแปลงในผลิตภัณฑ์ Firebase รายการหนึ่งจะเรียกให้ส่วนขยายทำงาน แม้ว่าจะเป็นงานที่ใช้ผลิตภัณฑ์อื่นก็ได้ เช่น การเขียนฐานข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่เจาะจงจะทริกเกอร์ให้ส่งการแจ้งเตือน Firebase Cloud Messaging ใหม่ได้

ส่วนขยายยังผสานรวมโ��รเจ็กต์ Firebase กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Google Cloud Platform (เช่น BigQuery และ Google แปลภาษา) หรือแม้แต่บริการของบุคคลที่สาม (เช่น Mailchimp และ Bit.ly) ได้ด้วย

และเหตุการณ์ทริกเกอร์จะไม่จำกัดอยู่เพียงเหตุการณ์ Firebase เท่านั้น คุณยังทริกเกอร์ส่วนขยายโดยตรงด้วยคำขอ HTTPS หรือทริกเกอร์ตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ได้อีกด้วย

การรักษาความปลอดภัยและการเข้าถึงแบบจำกัด

ตรรกะแอปพลิเคชันสำหรับส่วนขยายจะทำงานบนแบ็กเอนด์โดยใช้ Google Cloud Functions จึงแยกโค้ดออกจากไคลเอ็นต์โดยสมบูรณ์

นอกจากนี้ ส่วนขยายจะแยกออกจากส่วนที่เหลือของโปรเจ็กต์เนื่องจากส่วนขยายที่ติดตั้งจะได้รับการเข้าถึงแบบจำกัดสำหรับทรัพยากรและข้อมูลที่ระบุไว้อย่างชัดเจนก่อนการติดตั้งเท่านั้น

ไม่ต้องบำรุงรักษาเลย

ติดตั้งและกำหนดค่าส่วนขยายสำหรับโปรเจ็กต์ Firebase หลังจากนั้น แบ็กเอนด์จะปรับขนาดทรัพยากรการประมวลผลขึ้นหรือลงโดยอัตโนมัติเพื่อให้ตรงกับความต้องการของส่วนขยาย

คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเข้าสู่ระบบ การกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ การจัดสรรเซิร์ฟเวอร์ใหม่ หรือการเลิกใช้งานเซิร์ฟเวอร์เก่า

ทำงานอย่างไร

โดยพื้นฐานแล้ว ส่วนขยาย Firebase คือโค้ดที่จะทำงานเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กําหนดไว้อย่างเฉพาะเจาะจงในแอปหรือโปรเจ็กต์

ระบบจะเขียนตรรกะของส่วนขยายโดยใช้ Cloud Functions for Firebase ฟังก์ชันในส่วนขยายจะกำหนดผู้ให้บริการเหตุการณ์และเงื่อนไขที่ทริกเกอร์การดำเนินการ (เช่น การเขียน Cloud Firestore, คำขอ HTTPS หรือเหตุการณ์ Cloud Scheduler)

แม้ว่าส่วนขยายจะใช้ฟังก์ชัน ฟีเจอร์สำคัญที่สร้างความแตกต่างระหว่างส่วนขยายและฟังก์ชันคือส่วนขยายต้องใช้ไฟล์ข้อมูลจำเพาะของ extension.yaml ซึ่งกำหนดสิ่งต่อไปนี้อย่างชัดเจน

  • บริการของ Google (API) ที่ส่วนขยายจะใช้
  • บทบาทการเข้าถึงที่ส่วนขยายต้องใช้เพื่อดำเนินการ
  • ทรัพยากรเฉพาะของส่วนขยายที่ส่วนขยายต้องใช้ในการดำเนินการ
  • พารามิเตอ���์ที่กำหนดค่าได้สำหรับส่วนขยาย

คุณติดตั้งส่วนขยายในโปรเจ็กต์ได้หลายครั้ง โดยอินสแตนซ์ที่ติดตั้งแต่ละรายการมีการกำหนดค่าที่แตกต่างกัน

เมื่อคุณติดตั้งอินสแตนซ์ของส่วนขยาย Firebase จะดำเนินการต่อไปนี้

  1. แจ้งให้คุณระบุค่าการกำหนดค่า (พารามิเตอร์) ที่จำเป็นเพื่อใช้กับอินสแตนซ์ของส่วนขยาย
  2. เปิดใช้ API ที่ระบุไว้จากไฟล์ extension.yaml สำหรับโปรเจ็กต์
  3. สร้างบัญชีบริการใหม่ให้กับอินสแตนซ์ของส่วนขยายนี้ และมอบหมายบทบาทการเข้าถึงที่ระบุไว้ให้กับอินสแตนซ์ อินสแตนซ์ของส่วนขยายเรียกใช้โค้ดโดยใช้สิทธิ์เข้าถึงที่มอบให้บัญชีบริการนี้
  4. จัดสรรทรัพยากรที่ระบุไว้สำหรับอินสแตนซ์ส่วนขยาย (เช่น ฟังก์ชัน)

โปรดทราบว่าอินสแตนซ์ที่ติดตั้งแต่ละรายการของส่วนขยายจะมีบัญชีบริการของตนเองและทรัพยากรที่จัดสรรแยกกัน

นอกเหนือจากไฟล์ extension.yaml แล้ว ไดเรกทอรีส่วนขยายยังมีไฟล์วิธีการ เช่น README ซึ่งมีข้อมูลที่จะช่วยให้คุณกำหนดค่าเพิ่มเติมหรือโดยปกติใช้ส่วนขยายนี้ได้

หลังจากติดตั้ง คุณสามารถกำหนดค่าส่วนขยายใหม่ (ระบุค่าพารามิเตอร์ใหม่) และอัปเดตส่วนขยายเป็นเวอร์ชันใหม่ คุณจะถอนการติดตั้งส่วนขยายจากโปรเจ็กต์ได้ทุกเมื่อ

ทั้ง Firebase CLI และคอนโซล Firebase ช่วยให้คุณติดตั้ง ดู และจัดการส่วนขยายได้

เส้นทางการใช้งาน

ค้นหาส่วนขยาย

สำรวจส่วนขยายที่มีในฮับส่วนขยาย

ประเมิน ติดตั้ง และกำหนดค่าส่วนขยาย

เมื่อพบส่วนขยายที่ช่วยแก้ปัญหาความต้องการในแอปหรือโปรเจ็กต์ได้ คุณจะปร���เมินส่วนขยายได้ด้วยโปรแกรมจำลองส่วนขยาย จากนั้นติดตั้งส่วนขยายผ่านคอนโซล Firebase หรือ Firebase CLI

กำหนดค่าส่วนขยายเพื่อปรับให้เหมาะกับแอปหรือโปรเจ็กต์

จัดการส่วนขยาย

ดูและจัดการส่วนขยายที่ติดตั้งโดยใช้ คอนโซล Firebase หรือ Firebase CLI

ขั้นตอนถัดไป